ติดต่อลงโฆษณา racingweb@gmail.com

แสดงกระทู้

ส่วนนี้จะช่วยให้คุณสามารถดูกระทู้ทั้งหมดสมาชิกนี้ โปรดทราบว่าคุณสามารถเห็นเฉพาะกระทู้ในพื้นที่ที่คุณเข้าถึงในขณะนี้


ข้อความ - totheworld

หน้า: [1]
1

แผ่นแปะแก้ปวดแบบร้อน เป็นหนึ่งในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ยาทากล้ามเนื้ออักเสบที่เป็นลักษณะพลาสเตอร์บรรเทาปวด โดยเราสามารถหาซื้อไอเทมชิ้นนี้ได้ตามร้านจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ซึ่งบทความชิ้นนี้เราจะมาเล่าให้ทุกคนฟังว่า เพราะเหตุใดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงได้รับความนิยมในกลุ่มผู้มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายแบบไม่รุนแรง ถ้าพร้อมแล้ว เราไปติดตามรายละเอียดกันเลย


- บรรเทาปวดได้ทันใจ

แผ่นแปะแก้ปวดแบบร้อน มาพร้อมกับสรรพคุณที่ช่วยบรรเทาปวดได้แบบทันใจ ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้บริเวณที่ใช้มีเลือดไหลเวียนเยอะขึ้น เลือดจะนำพาสารอาหารมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ปวด และนำพาสารอักเสบออกไป เหมาะกับอาการปวดที่เป็นมาระยะหนึ่ง เช่น ปวดกล้ามเนื้อแบบเรื้อรังหรือออฟฟิศซินโดรม นี่จึงเป็นยาทากล้ามเนื้อรูปแบบพลาสเตอร์แก้ปวดที่กลายเป็นไอเทมหลักติดตัวของมนุษย์ออฟฟิศในปัจจุบันไปแล้วเรียบร้อย

ในขณะเดียวกันยังมีผลิตภัณฑ์แผ่นแปะแก้ปวดแบบเย็น ที่มาพร้อมกับส่วนผสมของเมนทอล การบูร ยูคาลิปตัส ช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว สามารถลดอาการบวม อาการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อ เหมาะกับอาการปวดเฉียบพลันที่เป็นมาไม่เกิน 72 ชั่วโมง เช่น อาการบวม ฟกช้ำ เคล็ดขัดยอกหลังออกกำลังกาย โดยสำหรับผู้ที่เริ่มออกกำลังกายหลังจากห่างหายไปนาน ควรมียาทาแก้ปวดรูปแบบพลาสเตอร์สูตรดังกล่าวติดบ้านหรืออยู่ในกระเป๋าเอาไว้ ก็จะทำให้อุ่นใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


- การใช้งานที่สะดวกสบาย

แม้จะไม่ใช่ยาทาแก้ปวดกล้ามเนื้อที่ดีที่สุด แต่เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทั้งสูตรร้อนและเย็นมีวิธีการใช้งานที่ง่าย สะดวกสบายอย่างแน่นอน เพราะเพียงเช็ดผิวหนังบริเวณที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อให้แห้ง จากนั้น ลอกแผ่นแปะติดเข้ากับผิวหนังของเราได้เลย

ทั้งนี้ ความเหนียวของกาว ความยืดหยุ่นของแผ่นแปะแก้ปวดแบบร้อนและสูตรเย็นยังเป็นจุดเด่นที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันสำหรับผู้มีอาการปวดอีกด้วย เนื่องจากเมื่อติดพลาสเตอร์แล้ว เราสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างวันได้ทันที โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าตัวยาจากผลิตภัณฑ์จะไม่ซึมลงสู่ชั้นผิวหนังไปยังกล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดของเรา ทำให้การบรรเทาปวดยังสามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพ แม้ในขณะที่เรากำลังนั่งทำงานอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ หรือขณะเดินทางไกลก็ไม่หวั่น


สรุป

สรรพคุณการบรรเทาปวด และการใช้งานที่สะดวกสบาย เป็นเหตุผลเพียงพอที่ทำให้แผ่นแปะแก้ปวดแบบร้อนและสูตรเย็นกลายเป็นไอเทมที่ตอบโจทย์ใครหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายแบบไม่รุนแรง ไอเทมดังกล่าวนี้น่าจะช่วยให้อาการดังกล่าวดีขึ้นได้อย่างทันท่วงที

2

อาการปวดกล้ามเนื้อขาแบบไม่รุนแรง คือปัญหาที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือการปวดกล้ามเนื้อ หลังออกกำลังกาย ซึ่งเมื่อมีอาการแล้วจะต้องทราบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม และในบทความชิ้นนี้เราจะมาแบ่งปันเคล็ดลับน่ารู้ให้ทุกคนทราบว่า หากเกิดอาการดังกล่าวเราจะบรรเทาปวดได้อย่างไรบ้าง ไปติดตามรายละเอียดกันเลย


- แผ่นแปะแก้ปวดแบบอเนกประสงค์

ผลิตภัณฑ์รูปแบบดังกล่าวมีหลายสูตรและหลายขนาด นิยมใช้แปะไหล่ บ่า หลัง และบริเวณที่มีอาการปวดต่าง ๆ ไม่จำกัดเฉพาะการปวดกล้ามเนื้อขา เพราะสามารถบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อทั้งตัวได้ด้วย โดยส่วนใหญ่ใช้ติดกับผิวหนังโดยตรงเพื่อลดอักเสบ ยกเว้นสูตรร้อนบางชนิดที่ควรติดทับบนเสื้อผ้าเพื่อไม่ให้ผิวหนังแสบร้อนเกินไป


- แผ่นแปะแก้ปวดเฉพาะจุด

แผ่นแปะรูปแบบดังกล่าวถือเป็นวิธีแก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะมีจำหน่ายหลายรูปทรงแตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับบริเวณต่าง ๆ ที่ปวด ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดบ่า หรือปวดไหล่ จึงใช้ได้เฉพาะจุดเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดอย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ปวดกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาหรือน่อง ก็สามารถใช้แผ่นแปะแก้ปวดเฉพาะจุดได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากรูปทรงที่มีความพิเศษ ช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นเมื่อติดลงบนผิวหนัง จึงทำให้การเคลื่อนไหวสะดวกสบาย ไม่ตึงแน่นจนเกินไป


ควรเลือกใช้แผ่นแปะสูตรไหนดี

- แผ่นแปะแก้ปวดสูตรร้อน
หากมีอาการปวดที่บริเวณต้นขาหรือน่อง แผ่นแปะสูตรดังกล่าวจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและเลือดไหลเวียนสะดวกขึ้น ส่งผลให้อาการปวดทุเลาลง ลดอาการปวดตึงกล้ามเนื้อแบบเรื้อรัง รวมถึงลดอาการปวดหลัง อาการเคล็ดขัดยอก เมื่อแปะแผ่นลงบนผิวหนังจะรู้สึกเย็นในช่วงแรก แล้วจะค่อย ๆ รู้สึกอุ่นขึ้น ลดอาการปวดตึงกล้ามเนื้อแบบไม่รุนแรงที่ขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


- แผ่นแปะแก้ปวดสูตรเย็น
ในขณะเดียวกันหากอาการปวดกล้ามเนื้อที่ขาของเรา เกิดจากอาการตึง ฟกช้ำ และเคล็ดขัดยอกหลังเล่นกีฬา ควรเปลี่ยนมาใช้รูปแบบสูตรเย็น เพราะใช้แล้วสบายผิว ด้วยฤทธิ์เย็นจากสารผสมอย่างสาร L-Menthol ช่วยลดอักเสบและลดการปวดเกร็งของกล้ามเนื้อลงไปได้


สรุป

ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางการบรรเทาปวดที่เหมาะกับผู้มีอาการปวดกล้ามเนื้อขาแบบไม่รุนแรง ซึ่งทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับอาการที่พบในเวลานั้น ทั้งนี้ หากไม่แน่ใจควรอ่านรายละเอียดข้างซองผลิตภัณฑ์ หรือปรึกษาเภสัชกรที่จุดจำหน่ายยา เพื่อให้เราได้ผลิตภัณฑ์มาบรรเทาปวดได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยกับร่างกาย

3

ธุรกิจร้านสะดวกซักมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าผู้สนใจอาจเกิดคำถามว่าแฟรนไชส์ ซักผ้า ลงทุนเท่าไหร่ สำหรับปี 2024 นี้ รวมถึงเราควรเลือกแฟรนไชส์ เครื่องซักผ้า ยี่ห้อ ไหนดี บทความชิ้นนี้มีคำตอบของคำถามต่าง ๆ มาฝากทุกคนแล้ว ไม่รอช้า เราไปติดตามรายละเอียดที่น่าสนใจกันได้เลย


- แฟรนไชส์ไซส์ S

เจ้าของกิจการที่ต้องการลงทุนและหาคำตอบว่าเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญลงทุนเท่าไหร่ สำหรับไซส์นี้จะได้เครื่องซักล่างอบบนขนาดความจุ 15 กิโลกรัม จำนวน 2 คู่ และแบบ 20 กิโลกรัม จำนวน 2 คู่ และแถมฟรีเครื่องซักล่างอบบนขนาดความจุ 15 กิโลกรัมอีก 1 คู่ เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับก้าวเล็ก ๆ ก่อนขยายธุรกิจให้เติบโตต่อไป โดยผู้ที่สนใจในแฟรนไชส์ ซักผ้า 24 ชมขนาดดังกล่าว ต้องเตรียมเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 2 - 2.3 ล้านบาท


- แฟรนไชส์ไซส์ S+

ผู้สนใจแฟรนไชส์ ซักผ้า ราคาปัจจุบันสำหรับไซส์ดังกล่าวต้องเตรียมเงินลงทุนประมาณ 2.6 - 2.7 ล้านบาท และเจ้าของกิจการร้านสะดวกซักจะได้เครื่องซักขนาดความจุ 15 กิโลกรัม จำนวน 3 คู่ และขนาดความจุ 20 กิโลกรัม จำนวน 2 คู่ รวมถึงเครื่องซักอบบนขนาดความจุ 20 กิโลกรัม จำนวน 2 คู่ อีกทั้งยังแถมฟรีเครื่องซักล่างอบบนขนาดความจุ 15 กิโลกรัมอีก 1 คู่ อีกด้วย


- แฟรนไชส์ไซส์ M

อาจเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่มีคำถามว่าแฟรนไชส์ ซักผ้า ลงทุนเท่าไหร่ เนื่องจากไซส์ดังกล่าวเหมาะสำหรับผู้มีเงินทุน 3.3 - 3.4 ล้านบาท โดยเจ้าของกิจการจะได้เครื่องซักล่างอบบนขนาดความจุ 15 กิโลกรัม จำนวน 3 คู่ และแบบ 20 กิโลกรัม จำนวน 2 คู่ นอกจากนี้ ยังได้เครื่องอบเดี่ยวขนาดความจุ 27 กิโลกรัม จำนวน 1 คู่ รวมถึงเครื่องซักเดี่ยวขนาดความจุ 27 กิโลกรัม จำนวน 1 คู่ อีกทั้งแฟรนไชส์ ซักผ้า 24 ชมยังแถมฟรีเครื่องซักล่างอบบนขนาดความจุ 15 กิโลกรัมอีก 1 คู่ อีกด้วย


- แฟรนไชส์ไซส์ L

เหมาะสำหรับผู้มีเงินทุนตั้งแต่ 4.8 - 4.9 ล้านบาท โดยผู้สนใจที่กำลังมองหาแฟรนไชส์ เครื่องซักผ้า ยี่ห้อ ไหนดีจะได้รับเครื่องซักล่างอบบนขนาดความจุ 15 และ 20 กิโลกรัมขนาดละ 4 คู่ รวมถึงเครื่องอบและซักเดี่ยวขนาดความจุ 27 กิโลกรัม จำนวนอย่างละ 1 เครื่อง อีกทั้งแฟรนไชส์ ร้านซักผ้าหยอดเหรียญไซส์ L ยังแถมฟรีเครื่องซักล่างอบบนขนาดความจุ 15 กิโลกรัมอีก 1 คู่ อีกเช่นกัน


สรุป

คำตอบของคำถามแฟรนไชส์ ซักผ้า ลงทุนเท่าไหร่ คือผู้สนใจธุรกิจดังกล่าวอย่างน้อยต้องมีเงินทุนเริ่มต้นประมาณ 2 ล้านบาทขึ้นไป สำหรับขนาดแฟรนไชส์ไซส์ S อย่างไรก็ตาม ก่อนลงทุนและเลือกขนาดแฟรนไชส์ที่ต้องการ เราควรศึกษากลุ่มลูกค้า สำรวจทำเลที่ตั้งของร้านให้มากที่สุด เพื่อให้เราสามารถเลือกขนาดของธุรกิจแฟรนไชส์ ซักผ้า 24 ชมได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของตลาด

4

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญสำหรับผู้ลงทุนธุรกิจ เล็กๆ คือการเพิ่มฐานลูกค้าให้ขยายออกไปมากขึ้น เพื่อส่งผลไปยังยอดขายของการลงทุนธุรกิจ แฟรนไชส์ใด ๆ ก็ตามที่กำลังทำอยู่ โดยในบทความชิ้นนี้เราได้มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับเคล็ดลับการเพิ่มฐานลูกค้าให้กับธุรกิจของเรามาฝากกัน รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามได้เลย


- ลงพื้นที่ศึกษาลูกค้า

เพื่อให้การลงทุนธุรกิจของเรามีผู้ซื้อหรือคนใช้บริการมากขึ้น เจ้าของกิจการควรลงพื้นที่ศึกษาลูกค้าอย่างละเอียดในบริเวณทำเลของร้าน เพื่อให้เราได้ทราบว่าลูกค้ามีความต้องการอะไร ชอบสินค้า หรือบริการรูปแบบใด ราคาเป็นอย่างไร จนถึงการระบุได้ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีโอกาสจะซื้อสินค้าและบริการของเรา ซึ่งหากเราได้ข้อมูลเหล่านี้มาครบถ้วน โอกาสที่การลงทุนธุรกิจ แฟรนไชส์จะสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้องก็มีมากขึ้นตามไปด้วย


- ประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง

เมื่อเราดำเนินธุรกิจไปแล้วสักระยะ ให้ทำการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การลงทุนธุรกิจ เล็กๆ ของเราเดินทางไปยังการรับรู้ของลูกค้าเป็นวงกว้าง โดยปัจจุบันผู้คนที่สนใจการลงทุนธุรกิจต่างหันมาใช้การสร้างแฟนเพจบนหน้าเฟซบุ๊ก หรือสื่อออนไลน์อื่น ๆ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายกันมากขึ้น
   
อย่างไรก็ตาม วิธีการประชาสัมพันธ์แบบออฟไลน์ก็มีประโยชน์เช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การทำแผ่นพับ หรือโปสเตอร์แล้วขอฝากตามร้านค้าใกล้เคียง ก็จะช่วยให้เกิดการรับรู้ของแบรนด์ และบอกต่อในกลุ่มลูกค้าเกี่ยวกับการลงทุนธุรกิจ แม้จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการทำวิธีเดียวกันในรูปแบบออนไลน์ก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าจำเป็นเช่นกัน


- ศึกษาคู่แข่ง

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนธุรกิจ ซักผ้า หรือแฟรนไชส์ประเภทใดก็ตามย่อมต้องมีคู่แข่งเสมอ ดังนั้น เจ้าของกิจการควรศึกษาจุดอ่อน - จุดแข็งของคู่แข่งว่าเป็นอย่างไร มีข้อไหนที่เราจะนำมาปรับใช้กับธุรกิจของเราได้บ้าง เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่ง และจุดเด่นให้ธุรกิจของเรามีผู้สนใจเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การนำกลยุทธ์ของคู่แข่งมาปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของเรา ยังเป็นการเตรียมพร้อมรับสภาวะทางเศรษฐกิจที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลาเช่นกัน เพราะไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้สินค้าและบริการของเราจะยังได้รับความนิยม มีคนซื้อหรือคนใช้งานอยู่หรือไม่ การปรับแผนการขายจึงมีความจำเป็นไม่น้อยกว่าเรื่องอื่น ๆ นั่นเอง

   
สรุป

เคล็ดลับการลงทุนธุรกิจ เล็กๆ ให้มีฐานลูกค้าเพิ่มประกอบไปด้วย 3 ปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ การลงพื้นที่ศึกษาความต้องการของลูกค้าในบริเวณทำเลร้านเราโดยรอบ ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะประชาสัมพันธ์ทางออฟไลน์และออนไลน์ให้เกิดการรับรู้ของแบรนด์มากขึ้น รวมถึงการศึกษาจุดเด่น - จุดแข็งของคู่แข่ง เพื่อปรับใช้กับธุรกิจของเราให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลงทุนธุรกิจของเราประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

5

สำหรับคุณผู้หญิงแล้ว การเกิดมามีหน้าอกหน้าใจที่เข้ากับสัดส่วนร่างกายคือสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตนเองอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีสาว ๆ หลายคนที่คิดอยากจะเสริมนม และก็กำลังคิดว่าจะเสริมหน้าอกที่ไหนดี เพื่อเพิ่มสัดส่วนและสร้างความมั่นใจให้กับตนเองมากขึ้น

ดังนั้น วันนี้เราจึงขอเอาใจสาว ๆ ด้วยสาระน่ารู้เกี่ยวกับการเสริมหน้าอก มาดูกันว่ารูปแบบการศัลยกรรมดังกล่าวมีกี่แบบ รวมถึงเราควรเตรียมตัวอย่างไรบ้างสำหรับการดูแลตนเองทั้งก่อนและหลังผ่าตัด ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลย


เทคนิคการเสริมหน้าอก 2 แบบที่ใช้กันในปัจจุบัน

1. เสริมด้วยการฉีดไขมัน เป็นเทคนิคที่ศัลยแพทย์จะนำเอาไขมันจากบริเวณหน้าท้อง สะโพก ก้น และต้นขาฉีดไปที่หน้าอก ซึ่งมีข้อดีคือเราจะได้หน้าอกที่ดูสวยเป็นธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อเสียคือหน้าอกจะฟีบลงเร็ว และมีโอกาสที่ไขมันจะแข็งตัวอีกด้วย

2. เสริมด้วยการใช้ซิลิโคน เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะเราสามารถเลือกขนาดที่จะเพิ่มได้ตามต้องการ และหน้าอกที่ได้จะอยู่ทรงนานไม่ฟีบนั่นเอง แต่ก็มีข้อเสียคือซิลิโคนไม่ได้มีอายุการใช้งานที่ถาวร ทำให้ต้องผ่าตัดเปิดแผล เมื่อเสริมหน้าอกไปหลาย ๆ ครั้งอาจทำให้เกิดพังผืดได้


ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนการเสริมหน้าอกมีอะไรบ้าง ?

1. คนไข้ควรอาบน้ำ สระผม ทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการผ่าตัด

2. ควรใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ สามารถถอดได้ง่าย เช่นเสื้อเชิ้ตที่มีกระดุมหน้า

3. งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด

4. ก่อนเข้ารับการศัลยกรรมและแก้หน้าอก 2 สัปดาห์ ควรงดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น ยาแอสไพรินและไอบูโพรเฟน รวมถึงอาหารเสริมประเภทวิตามินเอ อี ซี สมุนไพรต่าง ๆ เช่น โสม ใบแปะก๊วย ฯลฯ

5. ควรงดน้ำและอาหารในวันผ่าตัดก่อนดมยาสลบประมาณ 6 ชั่วโมง


การดูแลตนเองหลังการศัลยกรรมหน้าอกควรทำอย่างไร

1. หลังการผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำประมาณ 5 วัน หรือหากแผลเปียกน้ำ ต้องซับให้แห้งทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นบริเวณแผลที่ผ่าตัดอาจอับชื้นได้

2. ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

3. ช่วง 1 - 2 สัปดาห์แรกหลังการทำนมควรงดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และรับประทานของหมักดอง

4. ควรสวมชุดซัพพอร์ตหน้าอกเป็นระยะเวลาประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ เพื่อให้หน้าอกเข้าที่มากขึ้น

5. ควรงดออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ต้องยกแขนสูงประมาณ 3 - 4 สัปดาห์

 
สรุป

เทคนิคการเสริมนมที่ใช้กันในปัจจุบันมี 2 ประเภทคือการใช้ไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และการเสริมด้วยซิลิโคน นอกจากนี้สาว ๆ ที่กำลังมองหาว่าควรศัลยกรรมหน้าอกที่ไหนดีควรทราบขั้นตอนการเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังผ่าตัดด้วย เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

6

หากคุณเป็นคนประเภทที่ผิวแพ้ง่าย เลยหันมาใช้ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กที่คาดว่าจะสามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวบอบบางได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ตัวนี้เหมาะสำหรับเด็กวัยแบเบาะที่ผิวกายยังไม่แข็งแรงนัก คุณจึงคิดว่าถ้านำแป้งเด็กมาใช้บ้างก็คงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อผิวกาย แต่แท้ที่จริงแล้วอะไร ๆ กลับไม่ง่ายดายตามความคาดหมาย ดังนั้น ในวันนี้เราจึงพาคุณมาหาคำตอบกันว่า ถ้าผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ใช้ผลิตภัณฑ์แป้งสำหรับเด็กทาบนผิวหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยถ้าทุกคนพร้อมแล้ว อย่ามัวรีรอ ตามไปหาคำตอบกันได้เลย !
 

ผู้ใหญ่ใช้แป้งเด็กทาหน้าได้หรือไม่ ?
              
การทาแป้งให้ลูกน้อยก็เพื่อช่วยดูดซับความชื้นออกจากผิวเป็นหลัก เด็กจึงรู้สึกสบายตัวมากขึ้นขณะสวมผ้าอ้อม แต่ทว่าผิวของผู้ใหญ่กับผิวของเด็กนั้นต่างกัน โดยเด็กจะยังไม่มีฮอร์โมนผลิตน้ำมันเหมือนกับใบหน้าของเรา ดังนั้น การนำแป้งฝุ่นสำหรับเด็กมาทาหน้าจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
 

เมื่อผู้ใหญ่ใช้แป้งเด็กทาหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ?

- ผิวขาดน้ำ : ความรู้สึกแรกหลังทาแป้งเด็กบนใบหน้า เราจะรู้สึกสบายผิวในระยะสั้น โดยเมื่อเวลาผ่านไปแป้งจะดูดน้ำและความชุ่มชื้นออกจากผิว จนรู้สึกได้ว่าหน้าแห้งและทำให้เมคอัพเลอะเป็นคราบระหว่างวัน

- น้ำมันบนผิวหน้าเสียสมดุล : หลังจากที่ผิวหน้าของเราแห้งจากการขาดน้ำแล้ว อีกหนึ่งผลกระทบขั้นถัดไปนั่นคือ หน้าจะเริ่มมันขึ้น เนื่องจากระบบในร่างกายเข้าใจว่าผิวแห้งหมายถึงผิวขาดความมัน จึงเป็นเหตุให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นกว่าเดิม

- รูขุมขนกว้างขึ้น : เมื่อผิวหน้าผลิตน้ำมันมากขึ้น รูขุมขนจะขยายตัวเพื่อขับน้ำมันออกมาบนใบหน้า

- ผิวอุดตันจนเกิดสิว : แป้งเด็กสามารถทำให้ผิวหน้าหรือรูขุมขนอุดตันได้ โดยหากทำความสะอาดไม่ดีพอใบหน้าอาจเกิดสิวและมันวาว

- เมคอัพสีเพี้ยน : ไม่ว่าจะเป็นแป้งแคร์ที่อณูเนื้อแป้งละเอียด แต่นั่นก็ยังไม่พอสำหรับการใช้แต่งหน้า อีกทั้งแป้งสำหรับเด็กก็มักจะมีสีขาว ทำให้เวลาเราลงรองพื้นสีของแป้งจะยังคงอยู่ สีผิวบนใบหน้าจึงดูขาวผิดเพี้ยนไปอย่างเห็นได้ชัด


สรุป
              
การที่ผู้ใหญ่ใช้แป้งเด็กทาบนผิวหน้าจะทำให้มีผลเสียตามมามากมาย เนื่องจากผิวของเด็กและผู้ใหญ่นั้นต่างกัน โดยผิวเด็กจะยังไม่มีฮอร์โมนผลิตน้ำมันเหมือนกับผู้ใหญ่ ฉะนั้น คุณจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้แป้งสำหรับเด็กทาบนใบหน้า แล้วหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวหน้ามาใช้แทนจะดีกว่า ส่วนลูกน้อยสามารถใช้แป้งเด็กทาได้ทั่วทั้งตัวตามปกติ

7

แน่นอนว่าคนที่ชอบทำอาหารกินเองเป็นประจำทุกวัน ก็จะต้องมีกระทะใบเก่งไว้ใช้กันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มฝึกทำอาหารใหม่ ๆ เราแนะนำให้ใช้เป็น กระทะไฟฟ้าเล็ก ซึ่งพกพาไปไหนมาไหนสะดวก แถมยังใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากอย่างที่ใครหลายคนคิด นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเหตุผลที่คุณควรมีกระทะไฟฟ้าเล็กใบนี้ติดบ้านไว้ใช้งาน แต่ทว่าจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลย !
 

- รังสรรค์เมนูสุดพิเศษได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน
              
ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ของกระทะไฟฟ้า อย่าง แผ่นเคลือบแบบ Non Stick ส่งผลให้การปรุงอาหารไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันอีกต่อไป อีกทั้งยังทำได้หลากหลายเมนู โดยเฉพาะอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ ที่บอกได้เลยว่า เมื่อลองแล้วคุณจะรักเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านชิ้นนี้แบบสุด ๆ
 

- ปรับเพิ่ม-ลดอุณหภูมิได้ง่ายและรวดเร็ว
              
แม้จะเป็นอาหารจำพวก Slow Cook เช่น เมนูตุ๋น สตู หรือแกงกะหรี่ กระทะไฟฟ้าเล็กใบนี้ก็สามารถประกอบอาหารที่ต้องอาศัยการปรับอุณหภูมิขึ้น ๆ ลง ๆ ได้อย่างสบาย และง่ายดายกว่าเตาแก๊สเป็นเท่าตัว
 

- ประหยัดเนื้อที่ภายในครัว
              
เนื่องด้วยดีไซน์ของกระทะไฟฟ้าเล็กมีขนาดกะทัดรัดเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านชิ้นอื่น ๆ และสามารถพกพาไปไหนมาไหนสะดวก ดังนั้น คุณจึงไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากในการประกอบอาหารแต่อย่างใด นอกจากนี้ผิวของกระทะยังร้อนไวทำให้ไม่ต้องรอนาน เราก็สามารถอุ่นอาหารในช่วงเวลาที่เร่งรีบได้ด้วยนั่นเอง
 

- กระทะไฟฟ้าเล็กเพียงใบเดียวสามารถประกอบอาหารได้หลากหลายวิธี
              
ไม่ว่าจะเมนูต้ม, ผัด, แกง หรือทอดตามแบบฉบับของคนไทย กระทะไฟฟ้าเล็กใบนี้พร้อมตอบรับทุกเมนู หรือหากใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาทำอาหารต่างชาติทานเล่นที่บ้าน ก็สามารถเปิดตำราแล้วลงมือทำได้เลย


- กระทะไฟฟ้าเล็กมีหลากหลายฟังก์ชันการใช้งาน
              
เรียกได้ว่า การออกแบบกระทะไฟฟ้าในยุคนี้ตอบโจทย์คนรักการทำอาหารแบบสุด ๆ เพราะในบางรุ่นมีดีไซน์แบบ 2 in 1 คือ คุณสามารถปิ้งย่างและต้มได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งเหมาะสำหรับสายปาร์ตี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมนูหมูกระทะ, ปิ้งย่าง, บาร์บีคิว, สุกี้ หรือชาบู ต่างก็สามารถกินได้เต็มคราบจนหยุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว
 
              
ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาคือ เหตุผลที่คุณควรมี ‘กระทะไฟฟ้าเล็ก’ ไว้ใช้งานที่บ้าน ถึงแม้การประกอบอาหารกินเองจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่หากได้ลองใช้กระทะไฟฟ้าไปครั้งหนึ่งแล้วละก็ คุณจะพบว่าการทำอาหารนั้นง่ายดายกว่าที่คิดมาก และสามารถเลือกทำได้หลากหลายเมนูตามที่ใจปรารถนา บอกเลยว่า โดนใจสายรักการทำอาหารอย่างแน่นอน !

หน้า: [1]